หน้าแรก      หมวดสินค้า   MD3 BODYLOVE
MD3 BODYLOVE
 ฿6,300.00  ฿5,100.00
-20%
คุณค่าสารอาหารที่ร่างกายต้องการ ผสมผสานด้วยสูตรพิเศษที่ลงตัว คัดสรรค์วัตถุดิบ เกรดพรีเมี่ยมที่ดีที่สุดในประเทศ
ส่วนประกอบสำคัญ : ไรจิน่าพลัส

แคลเซียม แลคเตต : แคลเซียมแลคเตตเป็นเกลือของกรดแลคติก ช่วยเสริมแคลเซียมสำหรับผู้ที่ได้รับแคลเซียมจากอาหารที่รับประทานตามปกติไม่เพียงพอ หรือ ผู้ที่ต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้น เช่น ผู้เป็นโรคกระดูกพรุน

แอล - ไลซีน โมโนไฮโดรคลอไรด์ : เป็นส่วนผสมของสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ไลซีนทำหน้าที่หลักๆ ได้แก่ สร้างเอ็นอวัยวะทุกชนิด : ระบบโครงสร้าง : ระบบสืบพันธุ์ : ระบบหมุนเวียนโลหิต : ระบบภูมิคุ้มกัน : หลอดเลือด : ตับ : ไต : หัวใจ : ม้าม : ปอด : ตับอ่อน เป็นต้น

ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคเหล่านี้
-ปวดขา  ปวดเขา ปวดเอว  ปวดไหล่  ปวดตามข้อต่างๆ
-เอ็นยึด เอ็นอักเสบ มือชา เท้าชา กระดูกทับเส้น นิ้วล็อค ผังผืด
-รองช้ำฝ่าเท้า เก๊าท์ ไทยรอยด์เป็นพิษ ภูมิแพ้ หอบหืด สะเก็ดเงิน นอนไม่หลับ
-ลดคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยต้านอนุมูลอิสระ บำรุงกระดูก บำรุงหัวใจ ป้องกันโรคมะเร็ง ประจำเดือนมาไม่ปกติ
-ช่วยลดริ้วรอย ป้องกันเส้นเอ็นเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคสมองเสื่อม ป้องกันโรคเบาหวาน
-ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง บำรุงผิวพรรณ ป้องกันโรคอัลไซเมอร์

    ส่วนประกอบสำคัญ : แคลเซียม แลคเตต

แคลเซียมแลคเตตเป็นเกลือของกรดแลคติก ช่วยเสริมแคลเซียมสำหรับผู้ที่ได้รับแคลเซียมจากอาหารที่รับประทานตามปกติไม่เพียงพอ หรือ ผู้ที่ต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้น เช่น ผู้เป็นโรคกระดูกพรุน
แมกนีเซียม (Magnesium)
      คือแร่ธาตุที่สำคัญและจำเป็นของร่างกายมนุษย์ สามารถพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย แต่บริเวณที่พบ  
มากก็คือที่กระดูก ในเซลล์กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ ดังนั้นแมกนีเซียมจึงถือเป็นแร่ธาตุจำเป็นที่ร่างกายขาดไม่ได้
   - แมกนีเซียม (Magnesium) มีประโยชน์และบทบาทต่อการทำงานของเอ็นไซม์ในร่างกายมากกว่า 300 ชนิด จึงมีความสาคัญยิ่งต่อการทำงานของเอ็นไซม์ในกระบวนการเผาผลาญทุกอย่าง ซึ่งรวมถึงการสร้างสาร DNA RNA โปรตีน การสร้างและเก็บพลังงานในเซลล์กระบวนการย่อยสลายกลูโคส และยังมีบทบาทในการรักษาระดับของสารอิเล็กโตรไลท์ภายในเซลล์ ซึ่งส่งผลต่อการหดและคลายตัวของ กล้ามเนื้ออีกด้วย
แมกนีเซียม (Magnesium) ให้ประโยชน์อะไรกับร่างกาย?
      แมกนีเซียม (Magnesium) คืออีกหนึ่งแร่ธาตุที่จำเป็นสำหรับมนุษย์ และให้ประโยชน์มากมายกับร่างกายดังต่อไปนี้
- เป็นตัวช่วยควบคุมสมดุลแคลเซียมในกระดูกและในเลือด และป้องกันไม่ให้แคลเซียมเกาะตามเนื้อเยื่ออวัยวะต่างๆ
- แมกนีเซียม (Magesium) เป็นองค์ประกอบสำคัญของโครงสร้างกระดูกในร่างกาย และมีผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
-แมกนีเซียม (Magesium) ช่วยให้การทำงานของระบบประสาทและกล้ามเนื้อเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเกี่ยวกับการส่งสัญญาณประสาท
- แมกนีเซียม (Magesium) มีส่วนช่วยป้องกัน และบรรเทาอาการปวดศีรษะไมเกรน
- แมกนีเซียม (Magesium) สามารถช่วยกระตุ้นวิตามิน บี ซี และ อี ให้ทำงานได้ดีขึ้น
- แมกนีเซียม (Magesium) ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อและหลอดเลือด
-  แมกนีเซียม (Magesium) ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ จึงทำให้ช่วยลดโอกาสในการเกิดตะคริวได้
ร่างกายจะเป็นอย่างไรหากขาดแมกนีเซียม (Magnesium)?
- วิตามินดีสามารถลดการกำเริบซ้ำของโรคปลอกประสาทอักเสบได้
- ปวดศีรษะไมเกรนที่สัมพันธ์กับรอบประจำเดือน
- วิตามินดีช่วยให้สมองหลั่งสารเซโรโทนินมากขึ้น ช่วยลดความเครียด และภาวะซึมเศร้าได้
- ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และพังผืด
มีการศึกษาพบว่า ระดับวิตามินดีที่ต่ำ สัมพันธ์กับโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น SLE ข้ออักเสบรูมาตอยด์ และโรคข้อสันหลังอักเสบยึดติดช่วยป้องกัน และรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ปรับสมดุล และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทำให้ ร่างกายสามารถต้านทานโรคได้มากขึ้นช่วยต้านโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งลำไส้ใหญ่เพิ่มประสิทธิภาพของการออกกำลังกาย และการเล่นกีฬา โดยเฉพาะการเล่นกีฬาที่มีความหนัก และต่อเนื่องเป็นเวลานาน
วิตามินบี 6 หรือ ไพริด็อกซิน
          เป็นคำที่ใช้เรียกรวมกันของกลุ่มสารที่มีโครงสร้างคล้ายกันและทำงานร่วมกัน ซึ่งประกอบไปด้วยไพริด็อกซิน ไพริด็อกซาล และไพริด็อกซามีน ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำ โดยจะถูกขับออกจากร่างกายภายใน 8 ชั่วโมงหลังจากรับประทาน
วิตามิน B6 จำเป็นต่อการทำงานของระบบประสาทและสมอง เสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง ช่วยชะลอวัย และมีหน้าที่  สำคัญเรื่องการเผาผลาญโปรตีนในร่างกาย ช่วยปรับสภาพผิวหนังให้เป็นปกติ
ประโยชน์ของวิตามินบี 6 ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกายให้แข็งแรง ช่วยป้องกันการเกิดนิ่วในไต ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ  ทำให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและไขมันได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเปลี่ยนรูปของทริปโตเฟนให้เป็นไนอะซิน (วิตามินบี 3) ช่วยป้องกันโรคทางประสาทและโรคผิวหนังหลายชนิด ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ช่วยชะลอวัยได้ เป็นยาขับปัสสาวะตามธรรมชาติ ลดอาการกล้ามเนื้อหดเกร็งในเวลากลางคืน มือชา ขาเป็นตะคริว และปลายประสาทที่แขนขาอักเสบบางชนิด ลดอาการปากแห้งและปัญหาด้านการปัสสาวะที่เกิดจาก การรับประทานยาต้านอาการซึมเศร้าในกลุ่มไตรไซคลิก

สรรพคุณถั่วดาวอินคา
- ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด
- ช่วยต้านอนุมูลอิสระและป้องกันการออกซิเดชันของไขมัน
- ช่วยลดไขมันในเลือดและป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้
- ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมมาบำรุงกระดูกได้ดีขึ้น
- ช่วยบำรุงความแข็งแรงของเยื่อหุ้มเซลล์
- ลดการอักเสบของหลอดเลือด
- ช่วยลดความเสี่ยงโรคไขข้อ
- ช่วยบำรุงสุขภาพผิวและผม
- ช่วยป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระอันเป็นต้นเหตุของการอักเสบ
- ช่วยลดริ้วรอย
- ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
- ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ
- ช่วยป้องกันไวรัส โทโคฟีรอล (tocopherols) ไฟโตสเตอรอล (phytosterol)
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและโรคมะเร็ง
- ช่วยป้องกันการแข็งตัวของเลือด
- ป้องกันโรคความดันโลหิตสูง
- ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ป้องกันโรคเบาหวาน
- ช่วยกระตุ้นความจำ
- ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของสมอง
- ป้องกันโรคสมองเสื่อม
- ช่วยควบคุมความดันในลูกตา และเส้นเลือด

ประโยชน์ของงาดำมีความสำคัญอย่างมากต่อความสมบูรณ์ของร่างกาย

- ช่วยบำรุงร่างกาย
- ช่วยบำรุงผม ผิวพรรณ กระดูก เล็บ
- ช่วยระบบขับถ่ายดีขึ้น
- ช่วยป้องกันโรคภาวะกระดูกพรุน
- แก้เคล็ดขัดยอก ฟกช้ำ ปวดบวม ลดการอักเสบ
- เป็นยาระบายอ่อนๆ
- ช่วยในการเผาผลาญและสลายไขมัน ลดความอ้วน
- ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง
- ช่วยให้นอนหลับสบาย
- มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยชะลอความแก่
- ช่วยป้องกันการเกิดโรคเหน็บชา
- ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร

สรรพคุณของงาขี้ม้อน
1. เมล็ดหรือน้ำมันสกัดจากเมล็ดใช้กินเป็นยาชูกำลัง โดยใช้เมล็ดงาขี้ม้อน 1 ช้อนชา นำมาชงกับน้ำดื่มเช้าเย็น (น้ำมันจากเมล็ด: เมล็ด)
2. เมล็ดช่วยลดไขมันในเลือด โดยใช้เมล็ดงาขี้ม้อน 1 ช้อนชา นำมาชงกับน้ำดื่มเช้า: เย็น (เมล็ด)
3. ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่น ด้วยการใช้เมล็ดงาขี้ม้อน 1 ช้อนชา นำมาชงกับน้ำดื่มเช้า: เย็น (น้ำมันจากเมล็ด: เมล็ด)
4. ใบและยอดอ่อนช่วยแก้อาการไอ แก้หวัด (ใบ: ยอดอ่อน)
5. ช่วยแก้อาการท้องผูก ด้วยการใช้เมล็ดงาขี้ม้อน 1 ช้อนชา นำมาชงกับน้ำดื่มเช้า: เย็น (น้ำมันจากเมล็ด: เมล็ด)
6. ช่วยในการย่อยอาหาร (ใบ: ยอดอ่อน)
7. น้ำมันจากเมล็ดนำมาทอดผสมกับเหง้าไพล ใช้เป็นยาแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย (น้ำมันจากเมล็ด)
8. น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากใบสดช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอกได้ (น้ำมันหอมระเหยจากใบ)
9. เมล็ดนำมาบีบเอาน้ำมันใช้เป็นยาทานวด แก้อาการปวดขัดข้อกระดูก (เมล็ด)
10. เมล็ดนำมาตำใช้เป็นยาประคบแก้อาการข้อพลิก (เมล็ด)

Code : S002
ขายแล้ว 324

ดูสินค้าเพิ่ม

แชทเลย

เพิ่มไปยังรถเข็น
ซื้อสินค้าเลย